ภาพสไลด์

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

มาดูผลการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก Top 10 ลุ้นว่าเมืองไทยจะติดกับเค้าไหม แต่คงไม่น่าจะติดหรอก เพราะ เมืองที่น่าอยู่คงไม่ใช่เมืองที่ประชากรทะเลาะกันทั้งประเทศแบบนี้แน่ๆ  เอาล่ะ ผลการจัดอันดับนี้ได้รับรองผลจากสถาบัน Mercer สถาบันที่ปรึกษาการบริหารที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศรายชื่อ10อันดับเมืองน่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก จากผลการสำรวจคุณภาพชีวิต ประจำปี 2009 ของ Mercer ที่ครอบคลุม 215 เมืองทั่วโลก

อันดับ 10 “เมืองซิดนีย์”(Sydney) ประเทศออสเตรเลีย

เมืองซิดนีย์ (Sydney) ประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์ (Sydney) ประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์ เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศออสเตรเลีย มีประชากรราว 4.5 ล้านคน มีท่าเรือและชายหาดบอนได (Bondi Beach)ที่สวยงาม มีโรงโอเปร่า(Opera House)ที่มีชื่อเสียง เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของเมือง การออกแบบโครงสร้างของตัวโรงละคร ได้กลายเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่โด่งดังของศตวรรษที่ 20 มีเพียง 2 ฤดูกาลที่เมืองซิดนีย์ ได้แก่ฤดูร้อน และฤดูหนาว แต่โดยปกติบรรยากาศจะเป็นแบบสบาย ๆ อุณหภูมิเฉลี่ย25 เซลเซียส นอกจากจะเป็นเมืองน่าอยู่อันดับ 10 ของโลกแล้ว Mercer ยังระบุว่า ซิดนีย์เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 15 ของโลกอีกด้วย

อันดับ 9 “เมืองเบอร์น”(BERN) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองเบอร์น (BERN) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองเบอร์น (BERN) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เป็นเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใจกลางเมืองนี้ยังคงเอกลักษณ์ของการเป็นเมืองเก่าแก่และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมในยุคกลาง จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก ที่สำคัญ เมืองเบอร์น ยังเป็นสถานที่ซึ่ง อัลเบิร์ต ไอน์ไตน์ เคยเข้ามาอาศัยและทำงานราวปี ค.ศ. 1903(พ.ศ. 2446) ปัจจุบัน บ้านของเขาซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 49 ถนนแครมกาซเซ่ (Kramgasse) ได้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์บ้านไอน์ไตน์ ที่มีนักท่องเที่ยวทั่วโลกแวะมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก

อันดับ 8 “เมืองแฟรงค์เฟิร์ต”(Frankfurt) ประเทศเยอรมนี

เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) ประเทศเยอรมนี
เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt) ประเทศเยอรมนี
เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ทั้งยังเป็นที่ตั้งของธนาคารกลางยุโรป ตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต และ German Federal Bank นอกจากความมั่งคั่งทางการเงินแล้ว เมืองนี้ยังมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นอยู่ที่วิหารแบบโกธิค สมัยศตวรรษที่ 14 ขณะเดียวกันก็มีตึกระฟ้ารูปทรงทันสมัยและสวยงามตั้งตระหง่านบริเวณใจกลางเมืองอีกด้วย

อันดับ 7 “เมืองมิวนิค”(Munich) ประเทศเยอรมนี

เมืองมิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมนี
เมืองมิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมนี
เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย มีประชากรราว 1.36 ล้านคน แม้จะเป็นเมืองที่เจริญและมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป แต่เมืองนี้ยังคงอนุรักษ์โบราณสถานและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่แบบโกธิคเอาไว้ ได้เป็นอย่างดี

อันดับ 6 “เมืองดึสเซลดอร์ฟ” (Dussselddorf) ประเทศเยอรมนี

เมืองดึสเซลดอร์ฟ (Dussselddorf) ประเทศเยอรมนี
เมืองดึสเซลดอร์ฟ (Dussselddorf) ประเทศเยอรมนี
เป็นเมืองหลวงของรัฐนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลิน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไรน์ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านแฟชั่น โฆษณา และโทรคมนาคมของประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ ทุกๆ ปี จะมีนักท่องเที่ยวกว่า 4.5 ล้านคนทั่วโลก เดินทางมาชมขบวนพาเหรดสุดอลังการ ในช่วงเทศกาลคาร์นิวาลของเมืองดึสเซลดอร์ฟ

อันดับ 4 ร่วม (คะแนนเท่ากัน 2 เมือง จึงไม่มีอันดับห้า) “เมืองอ๊อคแลนด์”(Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์

เมืองอ๊อคแลนด์ (Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์
เมืองอ๊อคแลนด์ (Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์
อ๊อคแลนด์ ตั้งอยู่ทางเกาะเหนือ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “City of Sails” เนื่องจากมีท่าเทียบเรือที่สวยงามถึง 2 แห่ง คือ ท่าเรือ Waitemata ทางด้านทิศเหนือ และท่าเรือ Manukau ทางด้านทิศใต้ ในภาษาเมารีอ็อคแลนด์มีชื่อว่า Tamaki-Makau-Rau แปลว่า หญิงสาวที่มีผู้มาขอความรักถึง 100 คน อ็อคแลนด์ได้สมญานามนี้มาจาก การที่เป็นภูมิภาคที่ชนเผ่าต่างๆ ต้องการครอบครอง บรรยากาศที่ผสมผสานกันของอ่าว หมู่เกาะ วัฒนธรรมโพลีนีเชี่ยนและความเป็นเมืองที่ทันสมัยก็ทำให้อ็อคแลนด์ติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

อันดับ 4 ร่วม “เมืองแวนคูเวอร์”(Vancouver) ประเทศแคนาดา

เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา
เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “แวนคูเวอร์” มักได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่สะอาด และน่าอยู่ที่สุดในโลก เมืองดังกล่าวถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุด และยังเป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ปัจจุบัน แวนคูเวอร์ เป็นศูนย์กลางด้านการช้อปปิ้ง และการถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

อันดับ 3 “เมืองเจนีวา” (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เจนีวา เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (รองจากซูริค) โดยมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองราว 185,000 คน และยังเป็นศูนย์กลางด้านการเงินที่สำคัญเป็นอันดับ 6 ของโลก เจนีวา ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างชาติสำคัญๆ หลายองค์กร อาทิ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติประจำทวีปยุโรป องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นต้น นอกจากนี้ เจนีวายังเป็นสถานที่จัดตั้งองค์กรสันนิบาตชาติ และกาชาดสากล ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของ www (World Wide Web) ตลอดจนเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่และมีพลังงานสูงสุดในโลก หรือที่เรียกว่า Large Hadron Collider (LHC)

อันดับ 2 “เมืองซูริค” (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

เมืองซูริค (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองซูริค (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ซูริค เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความมั่งคั่งที่สุดในยุโรป และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรอาศัยอยู่ในตัวเมืองทั้งสิ้นราว 1.68 ล้านคน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและวัฒนธรรมของประเทศ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอก จากนี้ ซูริค ยังเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพการดำเนินชีวิตดีที่สุดในโลกจาก ผลการสำรวจของหลายสำนัก นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006-2009

อันดับ 1 “เมืองเวียนนา” (Vienna) ประเทศออสเตรีย

เมืองเวียนนา (Vienna) ประเทศออสเตรีย
เมืองเวียนนา (Vienna) ประเทศออสเตรีย
ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลกประจำปี 2009 จากผลการสำรวจของ Mercer เมือง ดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมั่นคงทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า แสนโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลก กรุงเวียนนา ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิก อมตะของโลก ซึ่งนักแต่งเพลงคลาสสิกไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น โมสาร์ท, ชูเบอร์ก, บราห์ม หรือ โยฮัน สเตราส์ ล้วนมาจากที่นี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น